ทำความรู้จัก Googlebot เครื่องมือสำคัญที่นัก SEO ต้องรู้เพื่อเพิ่มโอกาสติดอันดับ
สำหรับแบรนด์หรือธุรกิจที่มีเว็บไซต์ การเติบโตในระยะยาวขึ้นอยู่กับการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ที่มีประสิทธิภาพ หากเว็บไซต์ของคุณสามารถก้าวไปถึงอันดับหนึ่งในหน้าผลการค้นหาของ Google จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ ขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ และที่สำคัญที่สุดคือ เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายและกำไรอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม การที่เว็บไซต์จะก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ บนหน้าค้นหาไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกเว็บไซต์ต้องผ่านการประเมินคุณภาพตามหลักเกณฑ์ของ SEO ที่กำหนดโดย Google โดยมี Googlebot เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและประเมินคุณภาพของเว็บไซต์ หากคุณเป็นนักการตลาดออนไลน์หรือเอเจนซี SEO ที่ต้องการเข้าใจ Googlebot และหลักการทำงานของมัน บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้จักและเข้าใจถึงกระบวนการทำงานของ Googlebot ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนา SEO ให้มีประสิทธิภาพ
Googlebot คืออะไร และทำไมนัก SEO ต้องรู้จัก
Googlebot เป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาโดย Google เพื่อรวบรวมและอ่านข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาในเว็บเพจ รูปภาพ วิดีโอ หรือข้อมูลจากผู้ใช้งาน Googlebot มีบทบาทสำคัญในการประเมินและจัดอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหา โดยจะเข้ามารวบรวมข้อมูลจากส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ เช่น Sitemap ซึ่ง Googlebot จะตรวจสอบทุกครั้งที่มีการอัปโหลดเนื้อหาใหม่หรือมีการอัปเดตข้อมูลในเว็บไซต์
เจ้าของเว็บไซต์สามารถควบคุมส่วนที่ต้องการให้ Googlebot เข้าถึงหรือไม่เข้าถึงได้ผ่านการตั้งค่าในไฟล์ robots.txt ซึ่งทำหน้าที่กำหนดว่าข้อมูลใดบ้างที่ Googlebot ควรเข้าถึงและนำไปใช้ในการวิเคราะห์ หากคุณต้องการตรวจสอบว่า Googlebot ได้เข้ามารวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณแล้วหรือไม่ สามารถใช้คำสั่ง “site:” ตามด้วย URL ของเว็บไซต์เพื่อตรวจสอบได้
นอกจากนี้ เครื่องมือที่มีประโยชน์อีกอย่างสำหรับนัก SEO ก็คือ Google Search Console ซึ่งช่วยให้คุณตรวจสอบคุณภาพเว็บไซต์และระบุปัญหาที่อาจส่งผลต่อการจัดอันดับ เพื่อให้สามารถปรับปรุงเว็บไซต์และเพิ่มโอกาสในการติดอันดับได้มากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการทำงานของ Googlebot ที่นัก SEO ควรรู้
Googlebot ทำงานใน 4 ขั้นตอนสำคัญที่เรียกว่า “The 4 Stages of Search” ซึ่งเป็นกระบวนการที่นัก SEO ควรทำความเข้าใจอย่างละเอียดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO
Crawling
ขั้นตอนแรกที่ Googlebot จะเข้ามาอ่านและรวบรวมข้อมูลในเว็บเพจของคุณ ซึ่งรวมถึงข้อความ รูปภาพ ไฟล์ และลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังหน้าอื่นๆ ในเว็บไซต์หรือเว็บไซต์ภายนอก Googlebot จะติดตามลิงก์เหล่านี้เพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม ดังนั้น การเลือกเว็บไซต์และลิงก์ที่มีคุณภาพเพื่อเชื่อมโยงจึงมีความสำคัญ เพราะหาก Googlebot พบว่าลิงก์เหล่านี้ไม่มีคุณภาพหรือเป็นการสแปม เว็บไซต์ของคุณอาจถูกประเมินว่ามีคุณภาพต่ำลงทันที
Rendering
หลังจากที่ Googlebot รวบรวมข้อมูลในขั้นตอนแรกเสร็จสิ้น จะเข้าสู่ขั้นตอนของการ Rendering ซึ่ง Googlebot จะทำการประมวลผลข้อมูลผ่านโค้ด HTML, JavaScript และ CSS เพื่อสร้างหน้าตาของเว็บไซต์ในมุมมองของผู้ใช้งานจริง ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับรายละเอียดต่างๆ เช่น การใส่ชื่อหัวข้อ ชื่อหัวข้อย่อย ข้อความ Alt Text ของรูปภาพ รวมถึงการออกแบบจัดวางหน้าเว็บ เพื่อให้ Googlebot รับรู้และประเมินคุณภาพของเว็บไซต์อย่างถูกต้อง
Indexing
ขั้นตอนต่อมา Googlebot จะนำข้อมูลที่รวบรวมมาในสองขั้นตอนแรกมาวิเคราะห์และพิจารณาว่าเว็บไซต์ของคุณเหมาะสมที่จะถูกจัดเก็บในฐานข้อมูลของ Google หรือไม่ เว็บไซต์ที่มีข้อมูลซ้ำซ้อนหรือคุณภาพต่ำอาจไม่ถูกเก็บรวบรวม ซึ่งการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพควรเน้นสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและไม่ซ้ำกัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกจัดเก็บและจัดอันดับ
Ranking
ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการทำงานของ Googlebot คือการจัดอันดับเว็บไซต์ ซึ่ง Google จะพิจารณาจากข้อมูลที่รวบรวมและประมวลผลในสามขั้นตอนก่อนหน้า เพื่อกำหนดว่าเว็บไซต์ใดควรอยู่อันดับไหนในหน้าผลการค้นหา แม้ว่าหลักการจัดอันดับยังไม่สามารถอธิบายได้ครบถ้วน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่หากเว็บไซต์ของคุณได้รับการพัฒนาตามขั้นตอนก่อนหน้าอย่างครบถ้วน โอกาสในการติดอันดับต้นๆ บนหน้าค้นหาย่อมเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
สรุป ความสำคัญของการเข้าใจการทำงานของ Googlebot ใน SEO
การทำความเข้าใจการทำงานของ Googlebot เป็นเรื่องสำคัญสำหรับนัก SEO ที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ บนหน้าผลการค้นหา Googlebot มีบทบาทสำคัญในการรวบรวมข้อมูล ประมวลผล และจัดอันดับเว็บไซต์ การทำความเข้าใจขั้นตอนทั้ง 4 ของ Googlebot จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาเว็บไซต์และปรับปรุง SEO ให้ตรงตามหลักเกณฑ์ของ Google ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงสุดในหน้าผลการค้นหา